ก.อุตฯ ชูนวัตกรรมใส่คอลลาเจนในผ้าทออีสาน ปั้น40ผลิตภัณฑ์ใหม่ ยกระดับคุณภาพ-อัพราคา จ่อผงาดเวทีโลก
นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงฯได้ต่อยอดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอด้วยการออกแบบเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม สู่อีสานแฟชั่น เพื่อเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ผ้าทอไทย สู่ภาคอุตสาหกรรมที่สร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานราก โดยปี 2564 จะเข้มข้นมากขึ้น วางพื้นที่เป้าหมาย 4 จังหวัดที่มีความโดดเด่นด้านผ้าทออีสาน ได้แก่ ขอนแก่น นครราชสีมา สุรินทร์ และสกลนคร ด้วยการบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการ ผ่านกิจกรรมการพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการทางธุรกิจและนักออกแบบรุ่นใหม่ ในกลุ่มสินค้าผ้าทอและแฟชั่น ให้ได้รับการพัฒนาเชิงลึก มีขีดความสามารถในการแข่งขัน จำนวน 280 คน
อ่านข่าว
เช็กเลย กลุ่มทบทวนสิทธิ เราชนะ รอบ 2 เงินเข้า เป๋าตัง แล้ว 7,000 บาท
ธ.ก.ส. จ่อลดออกสลากออมทรัพย์ลง50% เกษตรกรไม่ถอนเงินฝากสภาพคล่องล้น
ต้อนรถเก่า5.6ล้านคันจำกัดซาก ก.อุตชงครม.คลอดมาตรการภาษีจูงใจเจ้าของ
จับตาปี78 ไทยจ่อเลิกขายรถยนต์ใช้น้ำมัน เปลี่ยนใช้อีวีทั้งหมด
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเชื่อมโยงการออกแบบ โดยใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรม ผสานเทคโนโลยี เพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแบบใหม่ ตั้งเป้าหมาย 40 ผลิตภัณฑ์ มีการออกแบบลวดลายผ้าไหมแบบใหม่เชิงสร้างสรรค์บนอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และการแปรรูปตัดเย็บเสื้อผ้าที่ทันสมัย เน้นความเป็นไทยแบบเรียบง่ายเป็นสากล และสามารถเพิ่มมูลค่าโดยผสมผสานเทคโนโลยีการใช้เส้นใยพิเศษวัสดุใหม่ โดยใช้เส้นใยคอลลาเจนนำมาใช้ทอร่วมกับไหม ซึ่งมีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื่นให้แก่ ผิวและนุ่มสวมใส่สบาย เพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง เป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน
“ที่ผ่านมาผู้ประกอบการผ้าทอไทยยังขาดการปรับประยุกต์ ออกแบบ และตัดเย็บ ให้สอดคล้องกับเทรนด์แฟชั่นร่วมสมัย ไม่สามารถสวมใส่ได้ในหลากหลายโอกาส ตลอดจนการผลิตจำกัดอยู่ในระดับวิสาหกิจชุมชนส่งผลให้ผลิตได้ในจำนวนน้อย ขาดการเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปีที่ผ่านมา ไทยมีตัวเลขการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่า 5,748.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 178,121.8 ล้านบาท โดยตลาดส่งออกหลักของไทย คือ กลุ่มประเทศอาเซียน และสหรัฐอเมริกา ดังนั้นหากผลิตภัณฑ์สิ่งทอไทยได้รับการพัฒนา ต่อยอด ตอบโจทย์ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ จะยิ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการสร้างรายได้มากยิ่งขึ้น”นางวรวรรณกล่าว
การดำเนินการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สิ่งทอสู่อีสานแฟชั่น ในโครงการดังกล่าว เชื่อมั่นว่า จะช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าสิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เพิ่มสูงขึ้น 50% ด้วยการผสานเทคโนโลยีและการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ อาทิ การจำหน่ายลวดลายผ้าไหมมัดหมี่แบบดั้งเดิม ราคา 1,500 – 2,000 บาทต่อเมตร แต่เมื่อผ้าไหมมัดหมี่ที่มีการผ่านการพัฒนาและเพิ่มเติมคุณสมบัติพิเศษ จะจำหน่ายได้ในราคาถึง 3,000 – 3,500 บาทต่อเมตร
คาดการณ์เป้าหมายจากยอดจำหน่ายจากร้านค้าและผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น 12.80% หรือคิดเป็น 10.85 ล้านบาทต่อปี ตลอดจนยังเป็นโอกาสที่ดีให้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่นที่จะมีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ที่มั่นคง เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแฟชั่นในระดับภูมิภาคอย่างได้ผลเป็นรูปธรรม