‘ช่อ’ ปิดทริปอีสานหาเสียงเทศบาล 28 มี.ค.นี้ ชวน ปชช.กำหนดอนาคต ลั่นประเทศไม่เจริญ เพราะผู้นำขาดวิสัยทัศน์ ไม่ใช่ขาดงบประมาณ
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มีนาคม น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางมายังตลาดสดบึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เพื่อขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายสำรวย ศรีทิน ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลบึงโขงหลง ในนามคณะก้าวหน้า น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาภาคอีสานตั้งแต่ต้นสัปดาห์ โดยเริ่มจาก จ.บุรีรัมย์, จ.นครราชสีมา, จ.ขอนแก่น, จ.อุดรธานี, จ.สกลนคร และ จ.บึงกาฬ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาบึงโขงหลง ก่อนขึ้นปราศรัยได้เดินเยี่ยมแม่ค้าพ่อค้าในตลาด รับฟังปัญหาทั้งด้านยอดขายที่ลดลง ทั้งด้านสุขอนามัยพ่อค้าแม่ค้าและพื้นที่ตลาด การจัดการที่เป็นไปอย่างไม่มีระบบขยะ สิ่งปฏิกูลทั้งหลาย ซึ่งเทศบาลมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง สามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ให้เราได้ และงบประมาณก็มีอยู่จริง มาจากภาษีเราจริง
และมันเพียงพอต่อการอำนวยความสะดวกให้พวกเรา อย่าเชื่อถ้าเขาอ้างว่าไม่มีงบ สิ่งที่ประชาชนขาดแคลนไม่ใช่งบประมาณ แต่คือผู้นำที่ตั้งใจจริงและมีวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหา อย่างบึงโขงหลงตอนนี้กำลังบูมเรื่องการท่องเที่ยว หากจัดการไม่ดีก็จะมีแต่นักลงทุนรายใหญ่เข้ามาหาผลประโยชน์ คนในพื้นที่ไม่ได้อะไร แต่ถ้าผู้นำท้องถิ่นมีวิสัยทัศน์ รู้จักจัดการบริหารการท่องเที่ยว ก็จะสร้างรายได้ สร้างอาชีพได้ทั่วถึงทุกชุมชน และไม่ทำให้การท่องเที่ยวกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตดั้งเดิมด้วย
ด้าน นายสำรวย ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบึงโขงหลง กล่าวว่า งบประมาณบริหารตลอดวาระนายกเทศมนตรี 4 ปี อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท ถือว่าไม่น้อยเลยสำหรับบ้านเรา นโยบายน้ำไฟ ทั่วถึง ถนนหนทางล้วนเป็นหน้าที่การบริหารงานจากเทศบาลทั้งนั้น หากพ่อใหญ่แม่ใหญ่ให้โอกาส ซึ่งมีอุดมการณ์ที่สอดคล้องกับคณะก้าวหน้า มุ่งมั่นหาเสียงด้วยความจริงใจ เดินไปบ้านไหนหมู่ไหน ส่วนตัวมีเพียงกระดาษนโยบายที่จะทำให้บ้านเราดีขึ้น วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคมนี้ เข้าคูหาจับปากกา ก่อนกานึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่ หน้าลูกหน้าหลานของเราในอีก 4 ปีข้างหน้า แล้วเลือกคนที่ไว้วางใจให้จับเงินภาษีของท่าน เลือกคนที่จะมาทำเพื่อท่าน เพราะวันนั้นจะเป็นวันที่ท่านมีอำนาจเหนือนักการเมือง การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการวางรากฐานประชาธิปไตยที่เข้มแข็งจากฐานรากอย่างแท้จริง ผมขอฝากตัวผมและทีม (ส.ท.) ทีมคณะก้าวหน้าทุกคนไว้ด้วยนะครับ
จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 27 มีนาคม น.ส.พรรณิการ์ได้เดินทางมายังศาลากลางบ้านสันติสุขในเขตเทศบาลตำบลดอนหญ้านาง ขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมผู้สมัครนายกเทศมนตรี นายอุดม สายทอง เบอร์ 3 และ ส.ท. น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า 7 ปีแล้วที่เราไม่ได้เลือกตั้งนายกเทศมนตรี อยากถามว่า 10 กว่าที่ผ่านมา พวกเราเป็นอย่างไรกันมีใครรวยขึ้นบ้าง ทำยาง ทำนา มีใครตั้งตัวได้รวยอิ่ม สะดวกสบายใจ ลองควักกระเป๋าตังค์เปิดดูมีใครรวยขึ้นยกมือหน่อย ไม่มี เราจนเท่ากันหมด น้ำไฟพอใช้ไหม ถนนหนทางเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาพื้นฐานของบ้านเราของประเทศไทย สมัยที่เป็น ส.ส. ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนชาวบ้านจากกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศ หนีไม่พ้นเรื่องขยะล้น น้ำคลองเน่า ถนนหนทางไม่ดี หนี้สินเกษตร จริงๆ ปัญหาเราเหล่านี้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงแก้ไขได้คือเทศบาลของเรา นอกจากปัญหาพื้นฐานนี้ยังมีเรื่องของศูนย์พัฒนาเด็ก โรงเรียน สถานีอนามัย เทศบาลดอนหญ้านาง มีงบปีหนึ่งอยู่ที่ 60 ล้านบาท มันพอ ชีวิตพ่อแม่พี่น้องตั้งแต่ตื่นนอนลืมตาจนถึงเข้านอน ล้วนผูกพันกับเทศบาล แม้เทศบาลจะไม่ได้ทำได้ทั้งหมด แต่โดยมากก็แบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้ไม่น้อย ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้
น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า พรุ่งนี้ (วันที่ 28 มีนาคม) คือวันกำหนดอนาคตลูกหลานเรา กำหนดอนาคตแม่พ่อ หรือแม้แต่ตัวเราเอง เราอยากให้บ้านเราพัฒนาก้าวหน้าเป็นไปทางไหน สิทธิอยู่ที่ท่าน อยู่ที่ปลายปากกา จะเลือกคนเก่า คนเดิม ได้แบบเท่าเดิม หรือจะเปิดใจเลือกคนใหม่ โอกาสใหม่ ที่ได้ลุ้นอนาคตใหม่ที่ก้าวหน้า ก้าวไกล สดใสกว่า อยู่ที่ชาวดอนหญ้านางกำหนดเอง