เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 ก.ย. 64 ที่ สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น น.ส.พิจิตรา ชีกว้าง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 ม.4 บ.โสกม่วง ต.พังทุย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนายภากร แข็งขัน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.4 บ้านโสกม่วง ต.พังทุย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น มารดาและบิดาของ ด.ช.วรวัฒน์ แข็งขัน หรือน้องภัทร วัย 5 ขวบ ซึ่งถูกนายสุรพงษ์ แก้วกิ่ง หรือนายเต้ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 16 ต.วาสรนิวาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ชายที่หลงรักมารดา ลักพาตัวไปที่ จ.สกลนคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.น้ำพอง และชุดสืบสวนภาค4 ทำการติดตามจับกุมตัวนายเต้ และช่วยเหลือ น้องภัทรกลับมาได้อย่างปลอดภัย เข้าพบ ร.ต.อ.อภิเดช จังหาร สว.(สอบสวน) สภ.น้ำพอง เพื่อให้ปากคำโดยมีทีมสหวิชาชีพร่วมสอบปากคำอย่างรัดกุม
นายภากร แข็งขัน อายุ 30 ปี บิดาของ ด.ช.วรวัฒน์ กล่าวว่า ได้เลิกลา กับ น.ส.พิจิตรา และแยกกันอยู่มา 4 ปีแล้ว โดยมีบุตรด้วยกัน 2 คน ซึ่งทั้งคู่อยู่กับฝ่ายหญิง และช่วยกันเลี้ยงดูมาโดยตลอดต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา ผู้ต้องหา ได้ขับรถยนต์กระบะ โตโยต้า สีบรอนด์ หมายเลขทะเบียน บษ-9032 สกลนคร มาลักพาตัวลูกชายไปจากหมู่บ้าน เมื่อทราบเรื่องจึงรีบขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามและขวางทาง แต่ไม่สามารถสกัดเอาไว้ได้ ต่อมาจึงทราบจากอดีตภรรยาว่า คนที่ลักพาตัวลูกชายไปคืออดีตเพื่อนชายชาวบ้านแหลมทองพัฒนา ต.วานรนิวาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ซึ่งทำงานร่วมกันกับฝ่ายหญิง อยู่ที่ศูนย์ส่งสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งผู้ต้องหาหลงรักฝ่ายหญิงมาก จึงมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เพราะต้องการให้ฝ่ายหญิงไปหาเพื่อแลกกับตัวลูกชาย
“ผมโกรธแค้นมาก เพราะสิ่งที่นายเต้ก่อเหตุขึ้น เป็นการลงมือทำกับเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทางต่อสู้ จึงจะไม่มีวันให้อภัย แต่ยังโชคดีที่ลูกชายปลอดภัย ซึ่งเมื่อรับตัวลูกชายมาถึงบ้าน ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องได้ร่วมกันผูกข้อมือรับขวัญให้ลูกชาย ซึ่งนับจากนี้ไปก็อาจจะกลับมาใช้ชีวิตคู่กับฝ่ายหญิงอีกครั้ง เพื่อดูแลลูกชายได้อย่างเต็มที่”
ขณะที่ น.ส.พิจิตรา มารดา กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาและช่วยเหลือลูกชายกลับมาได้นั้น เจอหน้านายเต้ แต่นายเต้ไม่มีคำว่าขอโทษ ออกจากปาก ซึ่งตัวเองก็ไม่มีวันให้อภัยเช่นกัน ซึ่งเมื่อช่วยเหลือลูกชายกลับมาถึงบ้านแล้ว ได้ถามลูกชายว่า นายเต้ดูแลอย่างไรบ้าง ซึ่งลูกชายบอกว่า นายเต้ห้ามร้องไห้ ห้ามดื้อ และไม่ให้กินข้าว ลูกชายจึงอดข้าวมาตลอด เมื่อนายเต้พาลูกชายกลับถึงบ้านที่จังหวัดสกลนคร มารดานายเต้ได้ขอดูแลน้องภัทร เพราะไม่ต้องการให้นายเต้พาไปหลบซ่อน แต่นายเต้ไม่ยอม จึงยื้อแย่งตัวลูกชาย และนายเต้แย่งได้สำเร็จ พาตัวน้องภัทร ขึ้นรถยนต์ แล้วนายเต้ก็ใช้ไม้ตีจนเป็นรอยฟกช้ำที่คิ้วข้างซ้าย จากนั้นนายเต้พาน้องภัทรไปอยู่บ้านเพื่อน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปพบช่วยเหลือน้องภัทรออกมาได้อย่างปลอดภัยและจับกุมตัวนายเต้ไว้ได้
“วันนี้พาลูกชายมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับใบส่งตัวจากตำรวจในการพาลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลน้ำพอง ส่วนทางคดีลักพาตัว ที่นายเต้ก่อเหตุขึ้น ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะแม้ว่าลูกชายจะปลอดภัย แต่ก็มีการทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว จะไม่มีการให้อภัยเด็ดขาด”
ขณะที่ น้องภัทร กล่าวว่า ช่วงที่ถูกนายเต้อุ้มขึ้นรถ นายเต้บอกว่าจะพาไปเที่ยว แต่ต้องไม่ร้องไห้ และไม่ดื้อ แต่นายเต้ไม่ได้หาข้าวให้กิน จึงยังไม่ได้กินข้าว แล้วยังใช้ไม้ตีที่คิ้วจนบาดเจ็บ จึงกลัวมาก เมื่อพ่อแม่มาช่วยก็ดีใจ และจะไม่ไปด้วยอีกแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การสืบสวนจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามหมายจับ ของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ. 178/2564 ลง 7 กันยายน 2564 ข้อหา ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกิน15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองผู้ดูแล เนื่องจากว่าการก่อเหตุในวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยยังมี นายวรวุธ พาละการ หรือ กาย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6207 ม. 10 ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยในวันที่เกิดเหตุได้นั่งมาในรถที่เบาะหน้าข้างคนขับด้วย
” จากการสอบสวนในเบื้องต้นนายเต้ ให้การว่าเมื่อขับรถมาถึงหน้าโรงเรียนบ้านโสกม่วง ต.พังทุย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พบ ด.ช.วรวัฒน์ กำลังเดินอยู่บนถนน ห่างจากโรงเรียนประมาณ 50 เมตร นายสุระพงษ์ได้สั่งให้นายวรวุธลงจากรถยนต์ไปอุ้มเอา ด.ช.วรวัฒน์ขึ้นรถยนต์แล้วขับรถหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้รับแจ้งและได้ไล่ติดตามแต่ไม่ทัน จึงได้รวบรวมหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับ จากนั้นได้ติดตามไปที่บ้านนายสุระพงษ์ ที่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร จนกระทั่งจับกุมตัวนายสุระพงษ์ได้พร้อมช่วยเหลือ ด.ช.วรวัฒน์ไว้ได้”
ผกก.สภ.น้ำพอง กล่าวต่ออีกว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมนายวรวุธ ได้ที่บ้านพักในเขต จ.สกลนคร จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน มาสอบสวนที่สภ.น้ำพองและดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกิน15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองผู้ดูแล ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.น้ำพอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป