หลวงปู่กู่ ธัมมทินโนวัดป่ากลางโนนกู่ สกลนคร – วันเสาร์ที่ 23 ม.ค. 2564 น้อมรำลึกวันคล้ายวันมรณภาพ ครบ 68 ปี“หลวงปู่กู่ ธัมมทินโน” วัดป่ากลางโนนกู่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร พระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
มีนามเดิม กู่ สุวรรณรงค์ ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร นับเป็นญาติที่ใกล้ชิดกัน บิดาคือ หลวงพรหม (เมฆ สุวรรณรงค์) มารดาชื่อ หล้า สุวรรณรงค์
เกิดวันเสาร์ เดือน 5 ปีชวด พ.ศ.2443 มีน้องชาย คือ พระอาจารย์กว่า สุมโน แห่งวัดกลางโนนกู่ อ.พรรณานิคม ซึ่งเกิดในปี พ.ศ. 2447 อ่อนกว่าท่าน 3 ปี และอ่อนกว่าพระอาจารย์ฝั้น ผู้เป็นญาติสนิท 8 เดือน (พระอาจารย์ฝั้นเกิด พ.ศ.2442)
เมื่อเจริญวัยขึ้นมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว นิสัยใจคอเยือกเย็น สุขุมสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีกิริยาสงบเรียบร้อย พูดน้อย มีคติ จิตใจชอบทางสมณวิสัยมาแต่เด็ก ครั้นเมื่อเติบใหญ่ได้พอสมควรแล้ว บิดาได้นำไปฝากให้เรียนหนังสือในสำนักของพระอาจารย์ต้นวุฒิสาร จนอ่านออกเขียนได้ และเคยสมัครเข้ารับราชการเป็นเสมียนช่วยกิจการบ้านเมือง
พ.ศ.2463 อายุ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบทฝ่ายมหานิกาย ที่สำนักวัดโพธิ์ชัย บ้านม่วงไข่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร โดยมีพระครูสกลสมณกิจ (ท่านอาญาครูธรรม) เป็นพระอุปัชฌาย์
ครั้นเมื่ออุปสมบท ศึกษาเล่าเรียนอักษรบาลีและขอมในสำนักพระอาจารย์จนชำนาญ สามารถอ่านคัมภีร์ใบลานที่วัดซึ่งมีอยู่ หลายผูก ตลอดเวลาที่บวชอยู่ท่านเป็นผู้มักน้อยสันโดษ ชอบสงัด ยินดีในเสนาสนะป่า
กระทั่งพบกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระบูรพาจารย์สาย พระป่า ปวารณาถวายตัวขอเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พ.ศ.2466 ญัตติเป็นพระภิกษุธรรมยุติกนิกาย โดยมีพระอดิศัยคุณาธาร (คำ อรโก) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์มั่น เป็นพระ กรรมวาจารย์ ที่วัดมหาชัย ต.หนองบัว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
พ.ศ.2468 พระอาจารย์กว่า สุมโน ผู้เป็นน้องชาย อุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุต ที่วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธโล) เมื่อยังเป็นพระครูสังฆวุฒิกร เป็นพระอุปัชฌาย์พระรัก และพระบุญเย็น เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ภายหลังอุปสมบท ร่วมจำพรรษากับพระอาจารย์มั่น ที่วัด อรัญวาสี อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พระอาจารย์ต่างๆ ที่จำพรรษาใน ปีเดียวกันนั้น ได้แก่ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ, พระอาจารย์สาร, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, พระอาจารย์กว่า สุมโน และยังมีพระภิกษุสามเณรอีกรวมถึง 16 รูป
เมื่อใกล้จะออกพรรษา พระอาจารย์มั่น ประชุมหมู่ศิษย์เพื่อเตรียมออกเที่ยวธุดงค์หาที่วิเวก และจัดหมู่ศิษย์ออกไปเป็นพวก โดยจัดพระอาจารย์กู่ พระอาจารย์อ่อน และพระอาจารย์ฝั้น ให้ไปเป็นชุดเดียวกัน เพราะเห็นว่ามีนิสัยต้องกันมาก
การเดินธุดงค์แบบนี้ ท่านบอกว่าเป็นการโปรดสัตว์ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่พุทธบริษัททั้งหลาย และเป็นจริงเช่นนั้น แต่ละแห่งที่ท่านกำหนดพักนั้น ตามหมู่บ้าน ประชาชนเกิดความเลื่อมใสยิ่งในพระคณะกัมมัฏฐานเป็นอย่างดีและต่างรู้ผิดชอบในพระธรรมวินัยขึ้นมาก ตามสถานที่เป็นที่พักธุดงค์ในการครั้งนั้น ได้กลับกลายมาเป็นวัดของคณะกัมมัฏฐานเป็นส่วนใหญ่ในภายหลัง โดยญาติโยมทั้งหลายที่ได้รับรสพระธรรม พากันร่วมอกร่วมใจกันจัดการให้เป็นวัดขึ้น โดยเฉพาะให้เป็นวัดพระภิกษุ-สามเณร ฉันมื้อเดียว ฉันในบาตร บำเพ็ญสมาธิกัมมัฏฐาน
ในช่วงปลายชีวิต เป็นผู้ริเริ่มบูรณปฏิสังขรณ์วัดถ้ำเจ้าผู้ข้า อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ต่อจากพระอาจารย์บุตร สร้างกุฏิและ หอฉันไว้ในถ้ำ
จนเมื่อปี พ.ศ.2495 อาพาธด้วยโรคฝีฝักบัวที่ต้นคอ ซึ่งเป็น โรคประจำตัวท่าน ซึ่งเคยเป็นแล้วก็หายไป
เคยแสดงธรรมเทศนาให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายฟังว่า “ถ้าเราทำความดีถึงที่แล้ว เรื่องของการตายเราไม่ต้องหวาดหวั่นเลย” ท่านตักเตือนพระเณรอย่างนี้เสมอ สอนให้รีบร้อนเด็ดเดี่ยวในการทำความเพียร ศึกษาในสมาธิภาวนาให้มาก ตลอดพรรษา ท่านมิได้ลดละในการปฏิบัติด้วยการเดินจงกรม นั่งสมาธิ ภาวนา
เมื่อออกพรรษารับกฐินเสร็จ ท่านลาญาติโยมขึ้นไปปฏิบัติ สมณกิจที่ถ้ำเจ้าผู้ข้า ญาติโยมจึงพร้อมใจกันไปทำเสนาสนะถวาย จนกาลล่วงมาได้ 3 เดือนเศษ อาการอาพาธกลับกำเริบขึ้นอีก ญาติโยมอาราธนาให้กลับวัด เพื่อจัดแพทย์รักษาพยาบาล แต่ท่านไม่ยอมกลับ
ครั้นถึงวันที่ 23 ม.ค. 2496 ก็มรณภาพด้วยอาการสงบ สิริอายุ 53 ปี พรรษา 33