นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีในความผิดฐาน สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินใน 4 คดี หนึ่งในนั้นเป็นคดีของ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าสงวนฯ ก่อสร้างวังพญานาค พร้อมกับขอให้พนักงานสอบสวน ปทส. อายัดบัญชีของนายไชย์พล เนื่องจากความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนฯ ถือเป็นหนึ่งในมูลฐานการฟอกเงิน
นอกจากคดีนี้แล้ว ยังมีคดีของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่มีการออกเอกสารสิทธิที่ดินในจังหวัดราชบุรี โดยมิชอบ คดี นายทวี ไกรคุปต์ และ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ สส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกกล่าวหาว่า บุกรุกที่ดินในจังหวัดราชบุรี เช่นเดียวกัน
นายอัจฉริยะ บอกว่า คดีป่าสงวนเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดฟอกเงิน จึงมาร้องโดยมีข้อมูลเส้นทางการเงินของกลุ่มเครือญาตินายไชย์พล ที่โยกย้ายถ่ายเทเงินในหลายบัญชีจากจังหวัดมุกดาหาร ไปยังญาติของนายไชย์พลที่จังหวัดสกลนคร นอกจากนี้ยังให้เอาผิดกับ “พระอาจารย์พล” ที่สนับสนุนให้ก่อสร้างพญานาค เนื่องจากพระอาจารย์พล มีพฤติกรรมวางแผนจัดหาช่างและควบคุมการก่อสร้าง จึงเข้าข่ายในการสนับสนุนให้บุกรุกป่าฯ ด้วย
ขณะที่ พันตำรวจเอกกฤษณะ สุขสมบูรณ์ รองผู้บังคับการ ปทส. ระบุว่า จะต้องตรวจสอบพยานหลักฐานว่า เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงินตามที่มีการร้องทุกข์หรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายก็จะสยามดำเนินคดีและแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป
ขณะที่นางสาวปารีณา ได้ไปที่กรมป่าไม้ เพื่อยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมป่าไม้ ให้ตรวจสอบที่ดินของ นายธนาธร และ นางสาวชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ น้องสาว ว่าครอบครองถือกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้องและรุกที่ป่าสงวนหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้นางสาวปารีณา ร้องกรมป่าไม้ ให้ตรวจสอบกรณีที่ดินมารดาของนายธนาธรไปแล้ว
นางปารีณา มองว่าการครอบครองที่ดินในจังหวัดราชบุรีของทั้ง 3 คนนี้ เป็นความผิดสำเร็จแล้วต้องถูกดำเนินคดี ฐานครอบครองที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุกเขตป่าไม้
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องที่ดินของตนเองก็ยังคงเป็นคดีความอยู่ แต่กลับมาดำเนินการร้องเรียนที่ดินของคนอื่น นางสาวปารีณามองว่าต่างกัน ฟาร์มไก่ของตนเองที่ถูกร้องไม่ได้รุกที่ป่าสงวน แต่เป็นที่ดิน ส.ป.ก. ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายและกำลังต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม จึงอยากให้นายธนาธร น้องสาว และมารดาเข้าต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกัน ส่วนที่นายอัจฉริยะมาร้องตำรวจ ก็เป็นสิทธิตามกฎหมาย ค่อยมาสู้กันในกระบวนการยุติธรรม