นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดเผยว่า กรณีมีหญิงวัยรุ่นอายุ 16 ปีได้ทำจดหมายร้องเรียนมาถึงตน เล่าชีวิตทำนองหนีเสือปะจระเข้ แทนที่จะช่วยเรื่องคดี แต่ปรากฏว่าทนายคนนี้เอาตัวมาห้องพักให้ดื่มน้ำส้มแล้วไม่รู้สึกตัว ตื่นมาโดนกระทำชำเรา และมีการคุยกับทนายคนนี้ว่าจะส่งเสีย แล้วมีการแจ้งความ ตนเลยโทรไปผู้หญิงคนนี้ ได้โดนกระทำแบบนี้ 3 ครั้ง โดยไม่เต็มใจ ได้โทรถามร้อยเวร ได้รับคำตอบว่า หลักฐานมีแชตไลน์คุยกัน ตำรวจได้บอกว่ามีเพศสัมพันธ์กันจริง ส่วนการยินยอมหรือไม่ ไม่สามารถรู้ได้ แต่ผู้หญิงอายุ 16 ปี มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ได้สอบถามอีกทีบอกยืนยันว่าไม่ยินยอม
นายษิทรากล่าวว่า สำหรับทนายคนนี้ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ทำคดีอยู่แถวกกกอก จ.สกลนคร หลังจากให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแห่งหนึ่งคงรู้สึกความกลัว จะไปให้การตำรวจเอง โดยให้ตนประสานกับตำรวจดำเนินคดีให้เร็วขึ้น ยืนยันว่าไม่ได้ดิสเครดิตใคร เพราะไม่ได้ยุ่ง ยืนยันว่ามีมูล ซึ่งถ้าน้องผู้หญิงเข้ามากรุงเทพฯอาจเข้าไปร้องสภาทนายความฯ เพื่อให้จัดการกับทนายความคนนี้
โดยเนื้อหาที่ น.ส.คนนี้ได้ขอให้ทนายตั้มช่วยเร่งให้ตำรวจดำเนินคดีทนายความที่ข่มขื่น พร้อมได้เล่าเรื่องของตัวเองมีใจความว่า เป็นเด็กกำพร้า แม่เสียตั้งแต่ 7 ขวบ พ่อมีอาชีพรับแจ้งทั่วไป ไม่มีสถานที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องไปอยู่ในบ้านราชวิถีมาเกือบ 3 ปี ทนถูกรังแกอยู่ในนั่นไม่ได้ กรกฎาคม 2564 ได้หนีออกมา หาพ่อที่มีกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
สิงหาคม 2564 ถูกนายจ้างของพ่อปลุกปล้ำ ขณะที่พ่อออกไปตัดไม้แต่ตัวเองไม่ยอม และไม่ได้แจ้งความ พ่อกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย ต่อมากลางกันยายน 2564 ได้ถูกลูกเลี้ยงเจ้าของบ้าน ที่เป็นนายจ้างพ่อ เมายาแล้วใช้อาวุธจี้บังคับข่มขืนอยู่ 2 คืน แล้วพาไปกักขังห้องเช่า ซึ่งอยู่คนละตำบลกับนายจ้าง แล้วข่มขื่นต่ออีก 3 วัน แล้วพ่อกับอาไปช่วยไว้ได้ แล้วพามาบ้านอาที่สมุทรปราการ แล้วมีคนแนะนำให้รู้จักคุณตาคนหนึ่ง เป็นประธานสหภาพแรงงาน ให้ความช่วยเหลือทางการเงินทั้งตัวเองและพ่อ…
คุณตาคนนี้ต้องการให้เรียนหนังสือที่โรงเรียนเดิมในเขตดินแดงจึงทำหนังสือขอความช่วยเหลือหลายที่แต่ไม่มีใครช่วย จึงพาไปฝากไว้กับทนายความ ที่รับทำคดีน้องชมพู่ เมื่อธันวาคม 2564 ได้ขับรถเบนซ์ไปรับที่สมุทรปราการ ให้มาเช่าห้องอยู่แถวๆ ดินแดงแล้วทนายได้เข้ามาข่มขื่นหลายครั้ง แล้วไม่ส่งเงินให้เรียน ต้องการให้ไปพ้นๆ ทนหิวไม่ไหว โทรติดต่อทนายมาตลอด แต่ไม่ยอมรับสาย จึงไปแจ้งความเมื่อกันยายน 28 กันยายน2565 ตำรวจไม่ทำอะไร เพราะทนายมีพวกเป็นตำรวจมาก โดย น.ส.คนนี้มีหลักฐานหลายอย่าง จึงขอให้ทนายตั้มช่วย พร้อมระบุชื่อคุณตาที่เคยช่วยเหลือพ่อและตัวเอง พร้อมที่จะเป็นพยานให้
- ทนายตั้มอ้าง ทนายคดีลุงพลย่ำยีเยาวชน 16 ปี ตร.เผยผู้เสียหายเมินร่วมมือ เอาผิดไม่ได้