++
ปีแห่งการเลือกตั้งท้องถิ่น 2564 เริ่มต้นด้วยการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล แต่ “คณะก้าวหน้า” กลับไม่คึกคัก เหมือนตอนเลือกตั้งนายก อบจ.ปลายปีที่แล้ว
“ธนาธร” ยอมรับว่า ผิดหวังจากความพ่ายแพ้อย่างราบคาบจากการเลือกตั้ง อบจ.
“เราไม่ได้รับเลือกในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลยสักจังหวัดหนึ่ง แน่นอนที่สุด นี่คือความผิดหวังของพวกเรา พวกเราเจ็บปวด เพราะเราส่ง 42 จังหวัด”
ตอนนั้น ธนาธรและคณะ คาดหวังไว้น้อย 5 จังหวัด ที่พอจะได้เก้าอี้นายก อบจ. แต่หลังพ่ายเรียบ ก็ส่งผลสะเทือนถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นเทศบาล ที่ทีมงานคณะก้าวหน้า ออกสตาร์ทเหมือน “คนหมดไฟ”
คณะก้าวหน้า เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้งเทศบาลแบบเงียบๆ จากจำนวนเทศบาลนคร 30 แห่ง, เทศบาลเมือง 195 แห่ง และเทศบาลตำบล 2,247 แห่ง ปรากฏว่า คณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครจำนวนไม่มากนัก
เฉพาะเทศบาลนคร ก็ส่งเพียง 7 แห่งคือ 1.ธีรวุฒิ แก้วฟอง ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่
2.ไพบูลย์ กิจวรวุฒิ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี
3.สรยุทธ ปลื้มถนอม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
4.มนตรี คงวชิรวิทย์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
5.กุลธวัช ชัยปิยังกูร ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
6. ฉัตร สุภัทรวณิชย์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา
7.ประยูร วงศ์ปรีชากร ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
++
เจาะสนามเล็ก
++
จากสนามใหญ่ระดับจังหวัด ธนาธร ปรับแผนมาเน้นพื้นที่ 10-30 ตารางกิโลเมตร อย่าง “เทศบาลเมือง-ตำบล” มากเป็นพิเศษ ยกตัวอย่าง 3 จังหวัด
สรศักดิ์ พึ่งฉิม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลบ้านบางม่วง อ.บางใหญ่, วิรุฬห์ นันทภูษิตานนท์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบางกรวย อ.บางกรวย ,อนุสรณ์ แก้ววิเชียร ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลบางสีทอง อ.บางกรวย ,วราธ์ โมรัฐเสถียร ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบางกร่าง อ. เมืองนนทบุรี และปรีติ เจริญศิลป์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลบางพลับ อ.ปากเกร็ด
จ.สมุทรปราการ
ชัชวาลย์ พันธ์พุ่ม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว อ.บางพลี ,พิชัย แจ้งจรรยาวงศ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ,กิตติศักดิ์ ศีลภูษิต ผู้สมัครนายกเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย และอานนท์ เหมือนทัพ ผู้สมัครนายกเทศบาลเมืองลัดหลวง
ช่อ โผล่ ต.หนองตาด บุรีรัมย์
จ.ร้อยเอ็ด
พลเสฏฐ์ พงศ์ฤทธิบาล ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลกู่กาสิงห์,ชาตรี กุลสุวรรณ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลโพนเมือง,เดชา แก้วภูมิแห่ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลโคกกกม่วง, ร่วมภูมิศักดิ์ พลเยี่ยม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลโพนทอง, สมใจ สุระ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลท่าม่วง,ทวีสิทธิ์ มนตรีชน ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลดงสิงห์ ,ประมวล สุวลักษณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลผักแว่น และเทพพร จำปานวน ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลอาจสามารถ
นี่เป็นหนังตัวอย่างที่คณะก้าวหน้า บุกเทศบาลขนาดเล็กอย่างเป็นกลุ่มก้อน และยังมีที่กระจัดกระจายอยู่ในอีกหลายจังหวัด
++
จรยุทธ์เทศบาล
++
ช่วงโค้งสุดท้าย “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช เดินสายไปภาคเหนือ และภาคอีสาน ช่วยผู้สมัครนายกเทศมนตรีที่เทศบาลตำบลบ้านตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ,เทศบาลตำบลเวียงฝาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่,เทศบาลตำบลสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และเทศบาลตำบลเวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เดินทางไปอีสานเช่นกัน ไล่มาตั้งแต่เทศบาลตำบลโพนทอง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด,เทศบาลตำบลพรรณานคร จ.สกลนคร ,เทศบาลตำบลสว่างแดนดิน จ.สกลนคร, เทศบาลตำบลบ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น, เทศบาลตำบลวังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และเทศบาลตำบลดอนหญ้านาง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ
มองภาพรวม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีของคณะก้าวหน้า กระจุกตัวอยู่ในภาคอีสาน และภาคเหนือตอนบน ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออก ก็มีแค่ 4 จังหวัด
ทีมงานของธนาธร คงประเมินว่า สนามเทศบาลเมือง-ตำบล มีขนาดเล็กกว่า อบจ.มาก จึงทำให้ผู้สมัครนายกเทศมนตรี ที่มีบทบาทโดดเด่น อาจชนะเลือกตั้งได้
สมรภูมิ นายก อบจ. เปรียบเหมือนการรบแบบป้อมค่าย รบพร่ากำลัง ผู้สมัคร “ทุนน้อย”ยากจะเอาชนะได้
ตรงกันข้าม สมรภูมิเทศบาลเมือง-ตำบล รบแบบจรยุทธ์ อาจเหมาะสำหรับผู้สมัครทุนน้อย แต่ “ดี เด่น ดัง” มีสิทธิ์ชนะใจชาวบ้าน
28 มีนา..จะพิสูจน์ทฤษฎีการเมืองสนามเล็กของ “คณะธนาธร” อีกครั้งหนึ่ง