ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ บริเวณถนนนาน้อย-เวียงสา ได้พบหลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโฒ วัย 72 ปี พื้นเพเกิดที่บ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนมอดีตทหารผ่านศึกเวียดนาม กองพลเสือดำ ปี 2512 สังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ จ.อุดรธานี ผ่านการฝึกรบพิเศษมาแล้ว เคยมีชีวิตครอบครัวมา ก่อนขอครอบครัวลาบวช เพื่อหาสัจธรรมของชีวิตในช่วงบั้นปลาย
โดยชอบหลักธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่นภูริทตฺโตบูรพาจารย์สายพระป่าในประเทศไทยจึงเข้าอุปสมบท เมื่อปี 2552 ฉลอง 80 พรรษาในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วโดยซาบซึ้งในรสพระธรรมจึงไม่ลาสิกขา เคยมาจำพรรษา อยู่บ้านนาผาง ต.กกปลาชิว อ.ภูพาน จ.สกลนคร ได้ 4 พรรษา ล่าสุดจำพรรษาที่สำนักสงฆ์บ้านเสาเล้าใหญ่ ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม
จากนั้นได้แสวงบุญเป็นพระสายป่าธรรมยุติ ชอบเดินธุดงค์เพื่อตามรอยหลวงปู่มั่น ไม่ขอขึ้นรถ ไม่ต้องช่วยขนสัมภาระ ขอรับถวายเพียงน้ำเปล่าและไม่กลัวว่าจะเจ็บป่วย เนื่องจากสละทุกอย่างแม้แต่สังขาร เพราะต้องการเข้าถึงสัจธรรม ตั้งแต่ปี 2559 ทุกปีจะไปจำวัดตามป่าเขา ก่อนหน้านี้ไปจำพรรษาในถ้ำเตียงสิริขันธ์ บนเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร มาต่อเนื่อง 4 ปี
ในปีนี้ หลังออกพรรษาตรงกับวันที่ 2 ตุลาคม 2563หลวงตาบุญชื่นจึงเริ่มออกธุดงค์จากสำนักสงฆ์บ้านเสาเล้าใหญ่ โดยจะเดินธุดงค์เท้าเปล่า บนบ่าซ้ายจะสะพายบาตร บ่าขวาสะพายย่าม ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อน โดยการเดินธุดงค์นั้นต้องมีความอดทน และความตั้งใจสูง กำหนดต้องเดินให้ได้วันละ 25-30 กม. ใช้เวลาเดินประมาณ 4 กม.ต่อชั่วโมง จาก จ.นครพนม ผ่าน จ.น่าน มุ่งไปสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
ที่สำคัญที่สุด คือ กิจของสงฆ์จะต้องไม่ขาด การบิณฑบาต ทำวัดเช้าเย็น สวดมนต์ เจริญภาวนาและศึกษาธรรมะ หากญาติโยมที่ต้องการสนทนาธรรม ยินดี ไม่ขอรับปัจจัย ทั้งนี้มีผู้ถวายน้ำเปล่าหลวงตาบุญชื่น จะรับและมอบกลับคืน พร้อมกับใช้ไม้เท้าหุ้มด้วยผ้าจีวร เคาะหัวให้เป็นสิริมงคล 2 โป๊ก โดยลูกศิษย์ที่ติดตามมาด้วยบอกว่าน้ำที่หลวงตาชื่นมอบกลับคืนเป็นน้ำมนต์ นำกลับไปบูชาเป็นมงคล